Friday, May 30, 2008

Jp: Akihabara/Tokyu tower


10/2/08 Akihabara Tokyu tower and Zujoji temple

สำหรับวันนี้ ยกให้หน้านึงเต็มๆเลยละกันครับ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันที่จะได้ว่างเต็มๆวันครับ ก้อตามแปลนครับ จะไปย่าน Akihabara ซึ่งอยู่ใน โตเกียว โดยแปลนไว้ตั้งแต่เมื่อวาน โดยจะมี พี่ไอซ พี่วี (คนไทย) และ อาบี (อินเดีย)ไปด้วยกัน ออกเดินทางกัน เก้าโมงเช้า ทุกคนก็ต่างพร้อมเพรียงกันหน้ารีซิฟชั่น โดยอาบี ได้ชวนเพื่อนกลุ่มเวียดนามมาจอยอีกกลุ่มใหญ่ (จะลากมาทามมายย เที่ยวกลุ่มหย่ายๆ มันไม่มันสหรอกนะ เอ้าไม่เปนไร ชวนมาแล้วนี่เนอะ) ก้อ ออกเดินทางนั่งรถไฟจากสถานีย่อยหน้าหอพัก แล้วไปลงที่ สถานี Shin sugita เพื่อเปลี่ยนรถไฟยิงยาวตรงไปผ่านตัวเมืองโตเกียว แล้วก็ถึง Akihabara ทั้งหมดนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นราว 1 ชม ครับ แล้วก้อถึงซะที ที่ Akihabara นี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Electric town ครับ นั่นเป็นเพราะว่า ทั้งย่านมีแต่ร้านขายพวกอุปกรณ์ไฟฟ้า เยอะแยะเต็มไปหมดเลยครับ กล้องถ่ายรูป เครื่องเล่นMP3 ทีวี โทรศัพท และอีกมากมายย สำหรับตัวผมเองไม่ได้มีจุดประสงค์จะมาซื้ออะไรที่นี่เลยครับ เพื่อนๆที่มาต่างมีกันหมด จะซื้อ ไอพอดบ้างละ กล้องบ้างละ แต่ผมแค่อยากมาให้รู้เท่านั้นลาว่า ที่นี่มานหน้าตาเป็นยังไง (แต่เค้าบอกกันว่า คนที่ไม่ได้คิดจะซื้ออะไรนี่ละ มักจะได้อะไรกลับมากกว่าชาวบ้านเขา อ้ะ จิงอะป่าวก้อต้องตามดูกัน)

Akihabara นั้นที่นี่มีขายทั้งเครื่องไฟฟ้ามือหนึ่งและมือสองครับ แต่สำหรับมือสองต้องรู้สถานที่ครับว่าอยู่ตรงไหน เพราะ ไม่ได้มีให้เห็นเยอะแยะ เหมือนร้านขายของมือหนึ่ง (โชคดีเตรียมพร้อม เปิดเนตถ่ายแผนที่จากหน้าจอโน้ตบุ้กมาเรียบร้อย เลยพอจะรู้ตำแหน่งครับ) พอมาถึงที่นี่กลุ่มใหญ่ๆที่มาด้วยกันก็เริ่มแตกออกโดยไม่ตั้งใจ คงเป็นเพราะจุดประสงค และความชอบที่จะดูของมันต่างกัน (ดีแล้วลา ห่วงหน้าพะวงหลัง เที่ยวไม่หนุกหรอก) ตอนนี้ผมเองก็มีพี่ไอส ติดสอยห้อยตามมาด้วยอีกหนึ่งครับ (ดูท่าทางพี่แกมั่นใจ เราพอสมควรนะเนี่ย "อยู่กะน้องทัน พี่ว่าดีที่สุดยังไงก้อรอด" เอ่อ จิงเหรอครับพี่ -_-") จากนั้นเราทั้งสองก้อพุ่งตรงไปหาดูพวกร้านขายของมือสองกันเลยครับ เพราะของมือหนึ่งนั้นมันราคาเท่าๆกันหมดทั้งประเทศละ ไว้ไปดูที่อื่นก็ได้ ละก้อถึงที่หมาย มีร้านใหญ่ๆที่ขายของมือสองอยู่ 3 ร้านครับติดๆกันด้วย ดีแล้วละจะได้ไม่ต้องเดินไกล ในร้านนั้นก็มีของมากมายครับ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง เอมพีสาม โน้ตบุ้ก นาลิกา ล้วนแล้วแต่เป็นของมือสอง ซึ่งราคานั้นต้องขอบอกว่า ถูกและถูกมากๆจิงๆ ยกตัวอย่างนะครับ กล้อง Casio V7 ที่ผมมีครอบครองอยู่ตอนนี้ มือหนึ่งเมืองไทยตอนนี้ 12,500 baht ( ผมซื้อตอนออกใหม่ 14,500 baht ครับ) แต่ที่นี่ขายเพียง 15,000 yen ตกเป็นเงินไทยก็ 5,000 baht เท่านั้น!! โอ้วว ตรูจาเป็นลม สภาพดีมากครับ เอามาลองถ่าย ทุกอย่างก้อทำได้ดี อืมม ถ้าคนที่ไม่แคร์ว่าจะต้องใช้ของมือหนึ่งเท่านั้นละก็ Akihabara คือสวรรค์จริงๆครับ

ช่วงบ่าย ยังคงอยู่ที่ Electric town แห่งนี้ครับ หลังจากที่อิ่มอร่อยกับราเมงมาแล้ว เราทั้งสองก้อกลับไปที่ร้านมือสองอีกครั้ง เพราะพี่ไอส ตัดสินใจจะสอย i pod ครับ สำหรับเจ้าไอพอดนี้ผมเองไม่ค่อยรู้ราคาเท่าไรครับ (ม่ายค่อยชอบอะ รู้แหละว่าคุณภาพเยี่ยม แต่มานโหลอะครับ) แต่พี่ไอสเค้าทำหน้ายังกะได้ของฟรี ก้อคงเดาได้ละครับว่าถูกมากกก ก่อนออกจากร้านผมก็เหลือบไปเห็น สิ่งที่น่าดึงดูดใจ ประมานว่าจะเดินออกไปแล้วแต่ต้องเดินถอยหลังกลับมาดูเลยละ(เมื่อเช้ามองผ่านไปได้ไง) นั่นก็คือ เครื่องเล่น MP3 ของโซนี่ครับ ซึ่งผมจำได้ว่าปะป๋าเล็งๆเครื่องนี้ไว้อยู่ ตัวนี้ 4GB ราคาเมืองไทยตกอยู่ที่ 4,700 baht แต่มือสองที่นี่ คิดเป็นเงินไทยนั้นราวๆ 2 พันกว่าบาทเท่านั้น สภาพเครื่องดูดีมากๆครับ หลังจากสอบถามจากคนขาย เค้าบอกว่าตัวนี้คนขายต่อเพิ่งใช้ไปแค่สองเดือนเอง โอ้วววว ต้องซื้อเท่านั้นครับ เอาแค่ตัวเครื่องแล้วซื้อหูฟังใหม่ ก้อยังถูกกว่าเมืองไทยอีกโข ปล่อยไปไม่ได้แล้วละสอบถามกันเต็มที่เลยครับ จะควักเงินจ่ายแล้วด้วย แต่เจ้าคนขายก้อเอ่ยประโยคสะเทือนใจซึ่งจับใจความได้ว่า "Sembu sony no operation sistemmuwa nihongo dake desune" แปลว่า ระบบสั่งงานของเครื่องโซนี่ทั้งหมดเป็นภาษายี่ปุ่นเท่านั้น จบเลยครับ ซื้อฝากปะป๋าเค้าก้อคงใช้ไม่เป็นแหงๆ ถ้าซื้อใช้เองก็พอไหว แต่ผมเองก็มีเครืองเล่น MP3 อยู่แล้ว ก้อเลยต้องเดินจากมาด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้งครับ เห้ออ เหนม้า สุดท้ายผมเองก้อไม่ได้ซื้ออะไรเลย อันนี้ต้องเรียกว่า มีเงิน แต่ไม่มีวาสนาครับ ฮ่าๆ

พอเดินจนทั่วแล้วก้อเวลาประมาณ บ่ายโมงกว่าๆเท่านั้น ผมจึงมีความคิดที่จะไปโตเกียวครับ ไปทำไม แล้วออกจากสถานีรถไฟมาจะเจออะไร อันนี้ไม่รู้ครับ แต่ที่รู้คือ เวลาเหลือ และตรูจะไปคับ!! และก้อคงไม่ต้องถามถึงพี่ไอซ แกจอยอิน ด้วยแน่นอน ฝากชีวิตไว้ที่ตรูแล้วนี่ ฮ่าๆๆ จาก Akihabara มา Tokyu นั้น ก้อขึ้นรถไฟย้อนลงมาเพียงแค่สถานีเดียวเท่านั้น แล้วเราทั้งคู่ก้อโผล่ออกมาที่สถานีโตเกียวครับ (ใหญ่เปนบ้า เส้นทางรถไฟงี้พันกันให้มั่วเลย) ออกมาละครับ แต่ปัญหาคือ จะไปไหน -_-" ง่า........ โตเกียว.... โตเกียว... โตเกียว... ปิ้งง โตเกียวทาวเวอรไง ถามยามหน้าสถานีเลยครับ ไกลจากที่นี่เท่าไร หากนั่งเท้กซี่ต้องจ่ายเท่าไร ยามเองก้อไม่ค่อยมั่นใจ ให้เราไปถามแทกซี่อีกที อืมได้ๆ ก้อโบกเลยครับ แทกซี่เค้าก้อบอกว่าประมาน 1,700 Yen "อื้อ ไม่แพง อยู่ละแวกนี้ละ พี่ไอซ ขึ้นเลยๆ" Let's go to Tokyu tower !!

มาถึงแล้ว ใหญ่อลังการมากกกครับ และคนที่ต่อคิวขึ้นลิฟทไปดูวิวข้างบนก้อเยอะมากกกกกกกก ทำเอาเราต้องถ่ายรูปอยู่ข้างๆและเข้าไปในตัวตึกที่สร้างไว้เพื่อเป็นที่ขายของที่ระลึกซึ่งอยู่ที่ฐานเท่านั้น (น่าเสียดาย โอกาสหน้าจะมาให้เช้าตรู่เลยเชียว)

แต่แค่นี้ก้อถือว่าได้มาแล้วละ เจ๋งๆๆ จากนั้นเราก้อเดินรอบๆ ถ่ายรูปกะโตเกียวทาวเวอรไปเรื่อยเปื่อย และต่อจากนั้นเราก้อมุ่งหน้าเดินไปวัด Zojoji ซึ่งเป็นวัดใหญ่ ตั้งอยู่ติดกับโตเกียวทาวเวอรครับ แน่นอนเดินถ่ายรูปกันไปตลอดทางครับ และก้อไม่พลาดที่จะทำบุญและสักการะพระพุทธรูปที่นี่ด้วยครับ

สุดท้ายแล้ว หลังจากที่เราเดินอยู่แถวละแวกโตเกียวทาวเวอร จนถึงราวๆ บ่ายห้าโมงเยน เราก็ขึ้นรถไปที่สถานีแถวนั้นกลับ AOTS Yokohama ครับ พี่ไอซบอกว่า "คิดถูกแล้วที่มากะน้องทัน ได้เที่ยวอะไรแบบนี้ดีกว่าไปแต่ห้าง ช้อบปิ้งเยอะแยะ" คราวนี้โชคดีที่มันไม่หลงหรอกเพ่ อย่าเพิ่งวางใจ ทริปหน้ามาเสี่ยงกับผมใหม่ได้ครับ



No comments: