Friday, May 30, 2008

Jp: YKC life


11/2/08 - 15/2/08

สำหรับสัปดาห์นี้ ถือเป็นการเริ่มต้นการเรียนอย่างเต็มรูปแบบครับผม ในสัปดาห์นี้ ชีวิตผมเองก็ดำเนินไปอย่างเรื่อยๆครับ เช้าตื่นมา 6.59 am (ตั้งไว้แบบนี้จิงๆครับ เอาเคล็ดเล็กน้อย อิอิ) จากนั้นก็ลงไปหม่ำอาหารเช้าที่ห้องอาหารอยู่ชั้นสอง ใช้เวลาไม่นานหรอกครับ ราวๆ 8.00 am ผมก็กลับมาที่ห้องเพื่อมาพักหายใจ เตรียมตัวไปเรียน เวลา 9.00 am ครับ โดยการเรียนนั้น จะเริ่มตั้งแต่เรียนภาษา 9.00 - 12.00 am แล้วพักเที่ยง แล้วก็ต่อด้วยช่วงบ่าย 1.00 - 4.30 pm (ช่วงบ่ายจะเป็นเรียนภาษากับทัศนศึกษาในย่านใกล้สูนย์อบรม สลับๆกันไปครับ) ชีวิตผมในสัปดาห์นี้ มันก็วนๆในลูปนี้ละครับ ตกเย็นก็มีการบ้านเป็นตั้งๆ แต่ผมก็พยายามเจียดเวลาออกไปเดินเล่นข้างนอกบ่อยๆครับ เพื่อไม่ให้ชีวิตมันหน้าเบื่อจนเกินไป ที่ที่ไปบ่อยๆนั้นก็ห้าง จัสโก้ ครับ เดินไปหนึ่งสถานีรถไฟก็ถึงครับผม

ต่อไปจะเขียนถึงความเป็นอยู่ กับการศึกษาของที่นี่กันดีกว่าครับ เริ่มจากสถานที่เรียน สถาบัน AOTS ที่ Yokohama นั้นมีชื่อเรียกสั้นๆว่า YKC โดยมีสถานีรถไฟฟ้า Sango shingo อยู่ตรงหน้าพอดีเลยครับ(สะดวกมากมาย) ตัวตึกของสถาบันที่นี้นั้นจะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง เป็นฝั่งตะวันออกและ ตะวันตกครับ โดยทั้งสองฝั่งนั้นจะเป็นส่วนของห้องพัก ห้องเรียนและห้องอาหารจะอยู่ในอาคารตรงกลางระหว่างหอพักทั้งสองฝั่งครับ รอบๆนั้น มีสนามฟุตบอล สองสนาม และ คอรดเทนนิสอีกสองคอรดครับ YKC นั้นอยู่แทบจะติดทะเลเลยละครับ ระยะทางที่ห่างจากทะเลก้อราวๆ 2 km ครับ ดังนั้นที่นี่จึงค่อนข้างมีลมเยอะเป็นพิเศษครับ

มาพูดถึงการเรียนบ้าง ผู้ที่มาศึกษาภาษายี่ปุ่นในรอบนี้มีประมาน 60 - 70 คนครับ ไทย อินเดีย ตุรกี เวียดนาม จีน มาเลย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส ส่วนใหญ่ เป็นจีนกับ เวียดนามครับ ส่วนไทยเรานั้น มีกัน 5 คนครับ ทั้งหมดนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 3 บ้าน บ้านละราวๆ 20 คน ครับ โดยมีบ้าน กริฟฟินดอร สไลทีริน เอ้ย ม่ายช่าย ล้อเล่น (อะจิงๆ ก้อแบ่งเปนสามกลุ่มครับ โดยกลุ่มเดียวกัน ก็จะถูกจัดให้มีห้องพักชั้นเดียวกันครับ ผมจะเรียกเป็นบ้านละกาน เหมือน รร ฮอกวอรต ดีครับ อิอิ) โดยขั้นตอนแรกก้ออย่างที่รู้ไปแล้วคือ สอบวัดระดับ โดยจะคัดมาบ้านละ 2-3 คน มาเรียนในท้อปคลาสครับ (F class) คนที่เหลือก็เรียนในคลาสอื่นลดหลั่นกันไป การเรียนของคลาสผม จะเรียนอัดมากครับ โดยทาร์เกทอยู่ที่ ได้ภาษายี่ปุ่นชั้นกลาง และ คันจิ เจ็ดร้อยตัว หนังสือเรียนนั้นคล้ายกับที่ผมเรียนที่ธรรมศาสตร์ครับ ที่ไทยเรียนสองคลาสต่อบท ที่นี่ คลาสละบทเลยครับ โอวว ไม่เพียงแค่นั้น มีสอบบทที่เรียนไปในวันรุ่งขึ้นทุกเช้า แล้วต่อด้วย สอบไฟนอลสิ่งที่เรียนมาในวีกนั้นทุกวีก (ไม่ได้มาสบายเลยนะครับเนี่ย) เรียกได้ว่าตอนเย็นวันไหนทบทวนไม่พอ ก้อจะส่งผลถึงผลสอบวันรุ่งขึ้นทันทีครับ เหนื่อยมั้ยล่า ยางครับยังไม่หมด นอกจากเรียนในห้องเรียนแล้ว ทุกคนต้องกลับมาทำการบ้านที่อาจาร์ยให้ (เยอะมั่กๆ) แล้ว ยังต้องเรียนด้วยตัวเองทางเนตด้วยครับ โดยเราต้องไปทำแบบฝึกหัดในนั้น แล้วคะแนนมันจะขึ้นโชวที่เมลอาจารย์ประจำคลาสครับ (โอยย สถาบันที่นี่เค้าคิดว่าวันนึงมี 34 ชมรึงาย) นอกจากคลาสเรียนภาษา ก้อจะมีคลาสทัศนศึกษา โดยจะมีการพาไปในสถานที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตครับ เช่น ไปรษณีย์ สถานีดับเพลิง ธนาคาร เป็นต้น โดยรวมๆก้อมีการเรียนการสอนตามนี้ละครับ อ้อ สุดทายก่อนจบการเรียนที่นี่ แล้วไปฝึกงานต่อนั้น ต้องมีการทำโปรเจ็คครับ (ประมานทำเทซิส) ด้วยภาษายี่ปุ่นเพียวๆ ซึ่งแบ่งกลุ่มบ้านละสามคนครับ (โชคยังดีที่งานกลุ่ม ไม่งั้นละเหนื่อยหนักเลยครับ)

กลับมาที่เรื่องราวในสัปดาห์นี้กันดีกว่า ขอนินทา ไอ้อาบี เพื่อนชาวอินเดียหน่อยเหอะครับ อินเดียเป็นชาติที่ใช้ภาษาอังกริดได้เก่งมากนะครับ ศัพททุกคำ เทนสทุกเทนส มันรู้หมด เสียอย่างเดียวตรงที่ ..ผมฟังมันไม่รู้เรื่องครับ 555+ เจ้าอาบีนี่ เป็นคนอินเดียคนเดียวเลยครับในรุ่นนี้ เวลามันคุยกะผม ผมต้อง เอ่อ Again please , I'm sorry?, Slowly man! etc เป็นแบบนี้ซะส่วนใหญ่ แต่มันก้อน่ารักครับ พยายามอธิบายซ้ำโดยไม่เบื่อ ด้วยความเร็วในการพูดที่ เท่าเดิม -_-" อีกอย่างนึงครับ ในบทสนทนาอย่าได้มีคำไหนที่มีตัว R เชียว พี่แกซัด ร เรือ ควบมาตลอด โอ้ววว เหมาะเก่การให้มาสอนภาษาไทยอย่างยิ่ง มาถึงตอนนี้สนิทกับมันมาได้จะ สองวีกแล้ว ผมก้อยังฟังมันไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนเดิมครับ 555 อ้อ อีกอย่าง เดียวนี้มันมีการพัฒนาเอาภาษายี่ปุ่นที่ร่ำเรียนมาปนด้วย ฮ่าๆ(ตาย กรูตายย) หนักเลยคับทีนี้ พี่หลายคนก้อต่างถามว่า "น้องทันเก่งเนอะคุยกะมันได้เป็นเรื่องเป็นราวเชียว" เคล็ดลับมานไม่ยากหรอกน้า ถ้ามันเรื่มพูดอัดเทอรโบเมื่อไรปล่อยให้มานพูดไป ให้ตัวเราพยักหน้าเล็กน้อย ค่อยๆพูดเป็นจังหวะ ตอบรับกับการพูดของมาน ว่า "Hmm I see " "Yeah I see" เท่านั้นเอง เหอๆ

No comments: